งานบริการ

ข้อแนะนำในการเก็บและสงตัวอยาง

Test Information

---

ตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ Urinalysis Physical Examination, Chemical Examination and Microscopic Examination

• สิ่งส่งตรวจปัสสาวะสามารถเก็บได้ โดยการรองเก็บปัสสาวะโดยตรงจากตัวสัตว์ (Voided Sample) การสอดท่อปัสสาวะ (Urine Catheterization) หรือการเจาะผ่านผนังหน้าท้องและกระเพาะปัสสาวะ (Cystocentesis)
• เก็บปัสสาวะประมาณ 5 - 10 ml ใส่ในภาชนะที่สะอาด และมีฝาปิด นำเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 oC

เขียนชื่อสัตว และชื่อคลินิก / โรงพยาบาลสัตว ลงบนฉลากปดตัวอยางใหชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ ที่สําคัญ เชน ชนิดสัตว หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอรมใบสงตรวจ VCL/RQF001 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอยางในรอบวันทําการ ค่าเคมีเลือด Blood Chemistry

• เจาะเก็บเลือดจากหลอดเลือดดำ ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ชนิดนั้น ๆ ประมาณ 1 - 3 ml หรือไม่เกิน ร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวสัตว์ หากส่งตรวจค่าเคมีเลือดหลายค่า ควรเก็บเลือดให้มีปริมาณมากพอตามที่ระบุ *** ไม่ควรบีบหรือเค้นบริเวณที่เจาะ เพราะอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตก หรือเกิดการปนเปื้อนเนื้อเยื่อ และของเหลว ทำให้ผลการตรวจวิเคราะห์คลาดเคลื่อนได้ ***
• ปลดหัวเข็มออกจากกระบอกฉีดยา ก่อนฉีดเลือดใส่ในหลอดเก็บเลือดจุกสีแดง สีเขียว หรือ สีเทา ขึ้นกับสิ่งที่ต้องการตรวจวิเคราะห์
• ปิดจุกหลอด หากใช้หลอดจุกสีแดงให้เอียงหลอดเลือดทิ้งไว้ให้เลือดแข็งตัวที่อุณหภูมิห้องประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง ก่อนนำเก็บในตู้เย็น 4 oC ส่วนหลอดจุกสีอื่น ๆ ที่มีสารป้องกันเลือดแข็ง ให้กลับตัวอย่างไปมาประมาณ 5 - 10 ครั้ง แบบ Inverse หรือนำไปปั่นแล้วเก็บแยกซีรั่ม หรือพลาสมา แล้วนำเก็บในตู้เย็น 4 oC
• ในกรณีที่ต้องการตรวจ Lipid Profile หรือระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Glucose) หรือลดภาวะ Plasma/Serum ขุ่น (Lipemia) ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการส่งตรวจวิเคราะห์บางชนิด ควรงดอาหารประมาณ 8 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนการเจาะเลือด

เขียนชื่อสัตว์ และชื่อคลินิก/โรงพยาบาลสัตว์ ลงบนฉลากปิดตัวอย่างให้ชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ชนิดสัตว์ หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอร์มใบส่งตรวจ VCL/RQ001 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอยางในรอบวันทำการ
ทดสอบการแข็งตัวของเลือด Coagulation test

• เจาะเก็บเลือดจากหลอดเลือดดำ ประมาณ 1.8 ml ใส่ในหลอดจุกสีฟ้า (Sodium Citrate Tube)
• ปิดจุกหลอดจุกสีฟ้าและผสมเลือดให้เข้ากับสารกันเลือดแข็งตัว (Sodium Citrate) ทันที แบบ Inverse (ประมาณ 8-10 ครั้ง) ให้เบามือที่สุด เพื่อลดการกระตุ้นการทำงานของเกล็ดเลือด เก็บในตู้เย็น อุณหภูมิ 4 oC นำส่งห้องปฏิบัติการ หรือปั่นแยกเก็บเฉพาะพลาสมา ใส่ microcentrifuge tube หรือ plain tube ภายใน 4 ชม.หลังเจาะเลือด เก็บในตู้เย็น 4 oC หรือแช่แข็ง (Freeze) ส่งตรวจภายใน 24 ชั่วโมง (ปฏิเสธตัวอย่างที่มีภาวะ Hemolysis หรือ Lipidemia)

เขียนชื่อสัตว และชื่อคลินิก / โรงพยาบาลสัตว ลงบนฉลากปดตัวอยางใหชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ ที่สําคัญ เชน ชนิดสัตว หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอรมใบสงตรวจ VCL/RQF001 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอยางในรอบวันทําการ ทดสอบการเข้ากันได้ของหมู่เลือด Cross matching

• เก็บตัวอย่างเลือดตัวรับ (Recipient) 2 - 3 ml ใส่หลอดจุกสีม่วงมีสารป้องกันเลือดแข็งตัว (EDTA Blood)
• ปิดจุกหลอดเลือด แล้วกลับหลอดเลือดไปมา 5 - 10 ครั้งแบบ Inverse นำเลือดเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 oC

เขียนชื่อสัตว และชื่อคลินิก / โรงพยาบาลสัตว ลงบนฉลากปดตัวอยางใหชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ ที่สําคัญ เชน ชนิดสัตว หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอรมใบสงตรวจ VCL/RQF001 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอยางในรอบวันทําการ การตรวจหมู่เลือด Blood Typing Test

• เก็บตัวอย่างเลือด 0.5 - 1 มิลลิลิตร ใส่หลอดจุกสีมวงมีสารป้องกันเลือดแข็งตัว (EDTA Blood)
• ปิดจุกหลอดเลือด แล้วกลับหลอดเลือดไปมา 5 - 10 ครั้งแบบ Inverse นำเลือดเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 oC

เขียนชื่อสัตว และชื่อคลินิก / โรงพยาบาลสัตว ลงบนฉลากปดตัวอยางใหชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ ที่สําคัญ เชน ชนิดสัตว หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอรมใบสงตรวจ VCL/RQF001 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอยางในรอบวันทําการ จุลชีววิทยา Microbiology วิธีการเก็บตัวอยางเพื่อตรวจเชื้อแบคทีเรีย

• เลือด (Whole Blood)
  • นำขวด Hemoculture ที่เก็บในตู้เย็นออกมาวางทิ้งไว้ และรอให้ขวด Hemoculture มีอุณหภูมิเท่าอุณหภูมิห้องก่อนนำไปใช้
  • ทำความสะอาดผิวหนังด้วย 2% Tincture Iodine ทิ้งไว้ 1 นาทีแล้วใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดออก เจาะเก็บเลือดจากหลอดเลือดดำในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ชนิดนั้น ๆ ประมาณ 0.5 - 1 มิลลิลิตร เช็ดจุกขวด Hemoculture ด้วยแอลกอฮอล์ 70% ก่อนใส่เลือดลงในขวด แล้วกลับขวดไปมา 4 -5 ครั้งเพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว (ขวด Hemoculture มีส่วนประกอบของอาหารเลี้ยงเชื้อ เพื่อให้เชื้อเจริญเติบโตระหว่างขนส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการ)
  ***เก็บขวด Hemoculture ที่มีตัวอย่างเลือดไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห้ามแช่เย็น***
  ข้อแนะนำ ควรเจาะเก็บเลือดภายใน 24 ชั่วโมงติดต่อกัน 3 ครั้งห่างกันครั้งละ 1 ชั่วโมง และควรเก็บตัวอย่างก่อนทำการรักษา ถ้ามีการให้ยาปฏิชีวนะมาแล้วควรเก็บตัวอย่างก่อนให้ยาในครั้งต่อไป
• สวอป/ไม้พันสำลีที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้ว (Swab): ใช้เก็บสิ่งส่งตรวจที่ไม่สามารถเจาะหรือดูดได้ โดยทำความสะอาดรอบบริเวณที่จะเก็บสิ่งส่งตรวจให้ปราศจากเชื้อ (Aseptic Technique) เพื่อป้องกันการปนเปื้อน แล้วใช้ไม้ สวอปที่อยู่ในชุด Transport Medium (Transport media can be preserved a large number of microorganism specimen during transport to the laboratory) ป้ายเก็บตัวอย่างแล้วใส่กลับมาใน Transport Medium ให้ส่วนสำลีจมอยู่ในวุ้น Agar ซึ่งสามารถเก็บเชื้อให้มีชีวิตอยู่ได้ในระหว่างการขนส่ง ตัวอย่างต่าง ๆ ที่เก็บโดยวิธีสวอป ได้แก่
• หู/ตา: ทำความสะอาดรอบบริเวณที่ต้องการเก็บตัวอย่างด้วยวิธีปราศจากเชื้อ แล้วใช้ไม้สวอปป้ายบริเวณรอยโรค
• อุจจาระ: ทำความสะอาดรอบทวารหนัก จุ่มไม้สวอปให้เปียกแล้วแหย่เข้าไปในทวารหนัก ป้ายให้มีอุจจาระติดออกมาด้วย (ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อ Salmonella spp. อาจต้องเก็บตัวอยางซ้ำอีก เนื่องจากในครั้งแรกอาจไม่พบเชื้อ และควรเก็บตัวอย่างในระยะที่สัตว์แสดงอาการของโรค แนะนำให้เก็บเป็นอุจจาระ ประมาณ 5 - 10 กรัม ใส่ในภาชนะที่สะอาด)
• ลำคอ: ให้ใช้ไม้สวอปที่แห้ง กวาดเข้าไปในลำคอบริเวณผิวของต่อมทอนซิล
• อวัยวะสืบพันธุ์: ในเพศเมีย ใช้ไม้สวอปสอดเข้าไปในช่องคลอด โดยใช้ Speculum ช่วยถ่างช่องคลอด เก็บตัวอย่างจากบริเวณปากมดลูก หรือคอของมดลูก
• แผล: ทำความสะอาดรอบแผลด้วยแอลกอฮอล์ 70% ใช้ไม้สวอปกวาดเข้าในแผลบริเวณขอบด้านในของแผลรอยต่อของเนื้อดีและเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย ถ้าแผลมีเนื้อตาย ให้ขลิบเนื้อตายออกก่อนเก็บตัวอย่าง (ไม่ควรเก็บตัวอย่างเฉพาะหนองส่งตรวจ)
• การเก็บเนื้อเยื่อ และอวัยวะ (Tissues and organs) กรณีต้องการส่งตัวอย่างเป็นอวัยวะภายใน ควรเก็บหลังสัตว์เสียชีวิตไม่เกิน 4 ชั่วโมง โดยผ่าซากและตัดบริเวณอวัยวะที่มีรอยโรคด้วยวิธีปลอดเชื้อ แยกแต่ละส่วนใส่ถุงพลาสติกที่สะอาด รัดปากถุงให้แน่นเพื่อป้องกันน้ำเข้า เก็บแช่เย็นในกล่องโฟม หรือกระติกที่มีน้ำแข็ง และนำส่งภายใน 24 ชั่วโมง ในกรณีถ้าไม่สามารถส่งตัวอย่างได้ภายใน 24 ชั่วโมง กรณีใช้วิธีสวอป ก่อนเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อควรมีการนาบผิวเนื้อเยื่อด้วยไฟก่อน แล้วใช้ไม้สวอปจิ้มให้ทะลุอวัยวะบริเวณพื้นที่ที่นาบไฟไว้ แล้วเข้าไปคว้านภายในอวัยวะ เก็บใส่ใน Transport Medium
• ของเหลวในรางกาย ได้แก่ น้ำในช่องอก ช่องท้อง และที่อื่น ๆ เช่น ถุงน้ำ (Cyst) ให้เก็บตัวอย่างอย่างน้อย 5 ml ด้วยวิธีปลอดเชื้อ ใส่กระบอกฉีดยาหรือภาชนะที่สะอาดปราศจากเชื้อ
• ปสสาวะ (Urine)สามารถเก็บปัสสาวะได้โดย
  • การใช้เข็มเจาะผ่านตัวสัตว์ไปยังกระเพาะปัสสาวะโดยตรง (Cystocentesis) เพื่อทำให้ปัสสาวะไม่ปนเปื้อนเชื้ออื่น ๆ ซึ่งเป็นวิธีดีที่สุดสำหรับการตรวจทางจุลชีววิทยา เก็บปัสสาวะประมาณ 5 – 10 ml ถอดหัวเข็ม เก็บตัวอย่างปัสสาวะไว้ในกระบอกฉีดยา เก็บเข้าตู้เย็น 4 oC ก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการ
  • การเก็บโดยสอด Catheter ผ่านทางท่อทางเดินปัสสาวะที่เปิดใช้ใหม่ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้ออื่น ๆ ไม่แนะนำให้เก็บปัสสาวะจากท่อทางเดินปัสสาวะที่สวนทิ้งไว้กับตัวสัตว์ เก็บปัสสาวะประมาณ 5 – 10 ml เก็บเข้าตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 oC ก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการ
  • ใช้ภาชนะปราศจากเชื้อรองเก็บปัสสาวะโดยตรงจากตัวสัตว์ขณะถ่าย (Voided Sample) ควรเก็บในช่วงกลาง (Midstream urine) ข้อควรคำนึงคือการเก็บตัวอย่างโดยวิธีนี้อาจมีโอกาสที่ปัสสาวะจะปนเปื้อนเชื้ออื่นๆมากที่สุด และไม่ควรเก็บปัสสาวะที่อยู่ตามพื้น เก็บปัสสาวะประมาณ 5 - 10 ml เก็บเข้าตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 oC ก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการ

การเพาะเชื้อ จำแนกชนิด และการตรวจความไวรับของยาปฏิชีวนะ
Culture / Identification and susceptibility test

• การตรวจด้วยวิธีทั่วไป (Conventional Method): จำแนกเชื้อ (Identification) ด้วยการทดสอบทางชีวเคมี (Biochemical Testing) และตรวจความไวรับของยาปฏิชีวนะ (Antibiotic Susceptibility Test) ด้วยวิธี Disc Diffusion สามารถระบุยาปฏิชีวนะที่ต้องการทดสอบได้ 10 ชนิด หรือระบุยาที่ต้องการเพียงบางส่วน โดยทางห้องปฏิบัติจะทำการเลือกยาที่เหมาะสมกับเชื้อให้จนครบ โดยมีรายละเอียดของยาปฏิชีวนะในแบบฟอร์มส่งตรวจแบคทีเรีย (VCL/RQF002)
• การตรวจโดยใช้เครื่องอัตโนมัติ Vitex 2® compact จำแนกเชื้อ (Identification) ด้วย ID Card (GP & GN) มี Biochemical Testing 60 ชนิดต่อ 1 Card และตรวจความไวรับของยาปฏิชีวนะ (Antibiotic Susceptibility Test) ด้วยวิธี Dilution Method (หาค่า MIC = Minimum Inhibitory Concentration) ด้วย AST Card (GP & GN) เครื่องมือจะทำการตรวจ และเลือกยาปฏิชีวนะให้อัตโนมัติ
• ตัวอย่างที่เก็บในขวด Hemoculture หรือตัวอย่างน้ำไขสันหลังให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
  ส่วนตัวอย่างที่เก็บใน Transport Medium และตัวอย่างอื่น ๆ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 oC

วิธีการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจเชื้อรา

• โรคเชื้อราที่ผิวหนัง (Superficial and Cutaneous mycoses)ตัวอย่างส่งตรวจได้แก่ ขุยผิวหนัง เส้นผม ขน เล็บ หรือ เยื่อบุ
  • ผิวหนัง: ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะเก็บตัวอย่างด้วยแอลกอฮอล์ 70% แล้วขูดผิวหนัง (Skin Scraping) บริเวณขอบของรอยโรคที่ชัดเจน เช่น กลากเห็นเป็นวงขอบนูนแดงมีสะเก็ด นำตัวอย่างที่ขูดได้ใส่ในตลับ หรือภาชนะที่สะอาด
  • ขน: เลือกขนที่เปราะหักง่ายและค่อนข้างด้าน ใช้ปากคีบถอนขนใส่ในภาชนะที่สะอาด อาจใช้แสง UV ความยาวคลื่น 365 nm ช่วยส่องหาขนที่เรืองแสง (Wood’s Lamp Examination) แล้วถอนขนบริเวณนั้นมาตรวจ หากมีสะเก็ดรังแค (Scales) แนะนำให้ใช้แปรงสะอาดปัดรังแคบริเวณรอยโรคส่งมาด้วย
  • เล็บ: โรคเชื้อราที่เกิดจากเชื้อ Dermatophytes จะมี Tissue Debris สะสมอยู่บริเวณใต้เล็บทำให้เล็บเผยอ ให้ตัดเล็บดีออกแล้วขุดเอา Tissue Debris ใต้เล็บส่งตรวจ หรือถ้าเกิดจากเชื้อ Candida เล็บไม่เผยอ ให้ตัดเอาเฉพาะเล็บที่เสียส่งตรวจ
  • เยื่อบุ: เยื่อบุตามอวัยวะต่างๆ ให้ใช้สำลีพันปลายไม้ (Swab) ป้ายบริเวณรอยโรคโดยตรง ใส่ในหลอด Sterile ที่มี NSS ประมาณ 1 ml
• โรคเชื้อราที่ชั้นใต้ผิวหนังและอวัยวะภายใน (Subcutaneous and Systemic Mycoses)
  • หนองหรือของเหลวต่าง ๆ ที่เจาะดูดมาจากรอยโรคใต้ผิวหนัง หรือรอยโรคที่ยังไม่เปิดทะลุออก ควรเก็บด้วยวิธีปลอดเชื้อ ใส่ภาชนะปิดที่ปราศจากเชื้อ หรือดูดใส่กระบอกฉีดยา
  • ปัสสาวะ ให้เก็บใส่ภาชนะ หรือกระบอกฉีดยา ที่ปราศจากเชื้อ ประมาณ 5 - 10 ml
  • น้ำไขสันหลัง ควรเก็บอย่างน้อย 0.5 ml (ถ้าเก็บได้มากทำให้มีโอกาสตรวจพบเชื้อได้มาก)
  • ชิ้นเนื้อ ให้ตัดชิ้นเนื้อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 - 1 cm ห่อใส่ Sterile Gauze ใส่ขวดปลอดเชื้อที่มี NSS ให้ชุ่มเพียงพอจนถึงห้องปฏิบัติการ (ห้ามใส่ Formalin)

การเพาะเชื้อ จำแนกชนิด และการตรวจความไวรับยาต้านเชื้อรา
Culture, Identification and Susceptibility Test

• การเพาะเลี้ยงเชื้อราจะเพาะเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อ ชนิด Sabouraud Dextrose Agar (SDA) และ Dermatophyte Test Medium (DTM) และระบุชนิดด้วยวิธี Conventional
• ตรวจความไวรับยาต้านเชื้อรา (Antifungal Susceptibility Test) ด้วยวิธี Broth Microdilution เพื่อหาค่า MIC (Minimum Inhibitory Concentration)

ตัวอย่างสิ่งส่งตรวจเชื้อราให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห้ามแช่เย็น เพราะที่อุณหภูมิต่ำทำให้เชื้อราบางชนิดตายได้ เขียนชื่อสัตว และชื่อคลินิก / โรงพยาบาลสัตว ลงบนฉลากปดตัวอยางใหชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ ที่สําคัญ เชน ชนิดสัตว หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอรมใบสงตรวจ VCL/RQF001 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอยางในรอบวันทําการ จุลพยาธิวิทยา Histopath การเก็บตัวอยางชิ้นเนื้อ (Biopsy or Necropsy)

• สามารถเก็บตัวอย่างที่ต้องการตรวจได้ โดยการทำตัดชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัย (Biopsy) หรือการผ่าซาก (Necropsy) ในกรณี Necropsy ให้เลือกเก็บชิ้นเนื้อจากซากสัตว์ที่เสียชีวิตไม่นาน หรือมีความสดเท่าที่จะเป็นไปได้
• ควรเลือกตัดเก็บเนื้อที่มีทั้งส่วนปกติและส่วนที่ผิดปกติมีรอยโรคปรากฎด้วยกันอย่างชัดเจน โดยตัดให้มีขนาด กว้างและยาวประมาณ 1 cm ความหนาประมาณ 0.5 - 1 cm และนำตัวอย่างแช่ใน 10 % นิวทรัล บัฟเฟอร์ฟอร์มาลิน อัตราส่วนของชิ้นเนื้อต่อน้ำยา ประมาณ 1 ต่อ 10 บรรจุอยู่ในขวดหรือภาชนะปากกว้างที่มีฝาปิดแน่นสนิท
*** ไม่ควรส่งตัวอย่างชิ้นเนื้อสดมาตรวจเพราะอาจเกิด Autolysis ***
• หากชิ้นเนื้อมีขนาดใหญ่ น้ำยาจะซึมผ่านเข้าไปไม่ลึกถึงเนื้อด้านใน ทำให้เนื้อส่วนที่อยู่ลึกจากผิวเน่า จึงควรจะฝานเนื้อเป็นชิ้น ๆ มีความหนาประมาณ 1 cm โดยไม่ขาดจากกัน และต้องไม่ทำให้ชิ้นเนื้อเสียรูปร่าง คือ สามารถจะจัดเรียงเป็นรูปเดิมได้ เพื่อการตรวจทางกายวิภาคให้ถูกต้อง ถ้าหากชิ้นเนื้อมีขนาดเล็กมากควรห่อด้วยกระดาษบาง หรือผ้าก๊อซชั้นหนึ่งก่อนแช่ในฟอร์มาลิน

เซลล์วิทยา Cytology วิธีการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจเซลล์วิทยา

• ชิ้นเนื้อ
  • เจาะดูดด้วยเข็มขนาดเล็ก ( Fine Needle Aspiration ) ใช้กระบอกฉีดยาพลาสติกขนาด 5 - 10 ml ติดเข็มเบอร์ 22 – 24 เริ่มปักเข็มลงไปในก้อนเนื้อ แล้วดึงให้ก้านกระบอกฉีดยาเพื่อให้เกิดสูญญากาศขึ้นภายในกระบอกฉีดยา เปลี่ยนทิศทางของเข็มโดยรอบก้อนเนื้อ (ระหว่างที่ทำการเจาะดูด ควรระวังไม่ให้เข็มหลุดจากก้อนเนื้อ มิฉะนั้นตัวอย่างภายในเข็มจะหลุดเข้าไปในกระบอกฉีดยา) ถอนเข็มออกจากก้อนเนื้อ แล้วใช้แรงดันจากกระบอกฉีดยาเป่าสิ่งที่เจาะดูดได้ลงบนแผ่นกระจกสไลด์ แล้ว Smear ตัวอย่าง หรืออาจใช้สไลด์ 2 แผ่นกดทับกันแล้วดึงออกจากกันโดยเร็ว
  • กดทับและป้ายลงบนกระจกสไลด์ (Impression smear) ทำโดยใช้มีดผ่าตัดที่สะอาด ตัดก้อนเนื้องอก แล้วเอาส่วนหน้าตัดกดลงบนแผ่นกระจกสไลด์ ทำให้แห้งโดยโบกสไลด์ในอากาศ กรณีที่ก้อนเนื้อชุ่มด้วยเลือดหรือน้ำ ให้ซับด้วยผ้าก๊อซที่สะอาดก่อนทำ Impression Smear ควรทำอย่างน้อย 4 สไลด์
  • ขูดพื้นผิวของเนื้อเยื่อ (Tissue Scraping) ทำโดยใช้มีดผ่าตัดขูดบริเวณพื้นผิวของชิ้นเนื้อ หรือบริเวณที่ต้องการตรวจเซลล์วิทยา จากนั้นนำตัวอย่างจากใบมีดไปปาดลงบนกระจกสไลด์
• ของเหลวที่เจาะจากช้องอก ช่องท้อง หรืออวัยวะอื่น
  เจาะเก็บของเหลวประมาณ 5 – 10 ml นำใส่ขวด หรือหลอดที่สะอาด เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4o C และนำส่งห้องปฎิบัติการภายใน 24 ชั่วโมง หรือนำส่งเป็นสไลด์ โดยนำตัวอย่างมาปั่นให้ตกตะกอนที่ 3,000 รอบ/นาที ประมาณ 10 นาที แล้วดูดเอาตะกอนมา Smear ลงบนแผ่นกระจกสไลด์
• เลือด
  ใช้เลือดที่ใส่สารป้องกันเลือดแข็งตัว (EDTA Blood) หรือ Buffy Coat Smear อย่างน้อย 2 slides (ส่งตัวอย่างพร้อมผลตรวจวิเคราะห์ CBC)
• เซลล์เยื่อบุที่หลุดลอก
  จุ่มไม้สวอปให้เปียกด้วย Normal Saline แล้วสวอปตัวอย่างที่เป็นเยื่อบุ อาทิ เยื่อบุช่องคลอด (Vagina) หรือ เยื่อบุตา (Conjunctiva) นำมาป้าย (Smear) ลงบนแผ่นกระจกสไลด์
• ไขกระดูก
  ในการวินิจฉัยภาวะโลหิตจาง หากไม่สามารถบ่งชี้ถึงสาเหตุใด ๆ จากวิธีตรวจอื่น ๆ ทั่วไปได้ อาจใช้การตรวจเซลล์ไขกระดูก (Bone Marrow Examination) โดยการทำ Bone Marrow Aspiration หรือดูดเอาไขกระดูกประมาณ 0.5 - 1 ml ใส่ในหลอด EDTA จุกสีม่วง เพื่อนับแยก M:E Ratio

ขั้นตอนการส่งสิ่งส่งตรวจ

• ควรป้าย (Smear) ตัวอย่างลงบนแผ่นกระจกสไลด์ที่สะอาด และทำสไลด์อย่างน้อยตัวอย่างละ 4 แผ่น
• แผ่นสไลด์ที่ Smear แล้ว ต้องรีบโบกให้แห้งโดยเร็ว หากมี Absolute Methanol ให้ Fix แผ่นสไลด์ใน Absolute Methanol อย่างน้อย 5 นาที แล้วโบกให้แผ่นสไลด์แห้ง
• Label ด้วยดินสอดำ ที่แผ่นสไลด์ ห่อด้วยกระดาษทิชชู และใส่ซองพลาสติก หรือซองยา
• กรณีสิ่งส่งตรวจเป็นของเหลว ให้ใส่ขวดหรือหลอดที่สะอาดประมาณ 5 - 10 ml เก็บไว้ในตู้เย็น 4oC และจัดส่งภายใน 24 ชม.
• กรณีสิ่งส่งตรวจเป็นเลือด ให้ใส่ในหลอด EDTA จุกสีม่วง ประมาณ 0.5-1 ml พร้อมกับผลการตรวจวิเคราะห์ CBC เก็บไว้ในตู้เย็น 4oC และจัดส่งภายใน 24 ชม.

การตรวจวิเคราะห์ของเหลวในร่างกาย Fluid Analysis Physical examination, Chemical examination and Microscopic examination

ตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ ได้แก่

• น้ำในช่องท้อง (Abdominal Fluid)
• น้ำในช่องอก (Thoracic Fluid)
• น้ำในถุงหุ้มหัวใจ (Pericardial Fluid)
• น้ำในไขสันหลังและสมอง (CSF)
• น้ำไขข้อ (Synovial Fluid)

วิธีเก็บตัวอย่าง

• ให้เตรียมบริเวณที่จะทำการเจาะด้วยวิธีปลอดเชื้อ (Aseptic Technique) ใช้เข็มสะอาดผ่านการฆ่าเชื้อแล้วในการเจาะเก็บตัวอย่าง
• กรณีของเหลวทั่วไป ให้เก็บประมาณ 5-10 ml ใส่ในขวดหรือหลอดที่สะอาด เก็บไว้ในตู้เย็น 4oC และจัดส่งภายใน 24 ชม.
• กรณีของเหลวที่เก็บได้จำกัด เช่น CSF ให้เก็บประมาณ 0.5-1 มิลลิลิตร ใส่ในขวดหรือหลอดที่สะอาด เก็บไว้ในตู้เย็น 4oC และจัดส่งภายใน 24 ชม.

เขียนชื่อสัตว์ และชื่อคลินิก/โรงพยาบาลสัตว์ ลงบนฉลากตัวอย่างสิ่งส่งตรวจให้ชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่นที่สำคัญ เช่น ชนิดสัตว์ ประวัติ อาการทางคลินิก หรือที่มาของตัวอย่างว่าทำด้วยวิธีใดและมาจากส่วนใดของร่างกายลงในแบบฟอร์มเฉพาะสำหรับส่งตรวจ Histopathology/Cytology/Fluid analysis (VCL/RQF003) เพื่อรอพนักงานมารับตัวอย่างในรอบวันทำการ การตรวจทางอณูชีววิทยา Molecular biology โดยใช้วิธี Polymerase chain reaction (PCR) ที่มีความจำเพาะและความแม่นยำสูง - Nested PCR
- Multiplex PCR
- Reverse-Transcriptase (RT-PCR)
- Real-Time PCR (quantitative PCR or qPCR)

• ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อปรสิตในเลือด เช่น Ehrlichia canis, Mycoplasma (Haemobartonella), Anaplasma platys Babesia canis, B. gibsoni, Hepatozoon canis และ Trypanosoma evansi
• ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อแบคทีเรีย เช่น Leptospira spp. จากปัสสาวะและเลือด หรือ Chlamydia felis จากเยื่อบุตาและจมูก
• ตรวจหาสารพันธุกรรมจากเชื้อไวรัส
  • ในสุนัข เช่น Canine distemper virus จากสิ่งคัดหลั่ง หรือเลือด, กลุ่ม Canine Viral Enteritis (CVE) จากอุจจาระ และ กลุ่ม Canine Infectious Respiratory Disease Complex (CIRDC) จากเยื่อบุตาและจมูก
  • ในแมว เช่น Feline Coronavirus จากน้ำในช่องท้อง/ช่องอก หรือเลือด, Feline Panleukopenia Virus จากอุจจาระหรือเยื่อบุลำไส้, Feline Retroviruses (FeLV / FIV) จากเลือด และ Feline Respiratory Disease Complex จากเยื่อบุตาและจมูก เป็นต้น
• ตรวจหาสารพันธุกรรมเพื่อแยกเพศนก

การเก็บตัวอยาง

• ตัวอย่างเลือด ควรเก็บอย่างน้อย 0.5 ml ใส่หลอดจุกม่วง (EDTA Blood)
• ตรวจแยกเพศนก ให้เอาเลือดหยดลงบนกระดาษกรอง
• น้ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือปัสสาวะ ควรเก็บมาประมาณ 5 ml ใส่ขวด/หลอดที่สะอาด
• ตัวอย่างที่เป็นสิ่งคัดหลั่ง ควรใช้ Cotton Swab จุ่ม Normal Saline ป้ายบนเยื่อบุตา หรือช่องจมูก แล้วใส่ในหลอดที่บรรจุ Normal saline หรือน้ำยา PBS
• เก็บตัวอย่างไว้ในตู้เย็นที่ 4 oC หรือแช่แข็งที่ -20 o C

เขียนชื่อสัตว์ และชื่อคลินิก / โรงพยาบาลสัตว์ ลงบนขวด/หลอดตัวอย่างให้ชัดเจน และเขียนรายละเอียดอื่น ๆ เช่น ชนิดสัตว์ หรืออาการทางคลินิก ลงในแบบฟอร์มใบส่งตรวจ VCL/RQF004 เพื่อรอพนักงานมารับตัวอย่างในรอบวันทำการ ตรวจระดับภูมิต้านทานต่อเชื้อพิษสุนัขบ้า Rabies Antibody Titer การเก็บและสงตัวอยาง

• งดอาหาร อย่างน้อย 8 - 12 ชั่วโมง ก่อนเก็บตัวอย่างเลือด (กรณีที่สัตว์เลี้ยงมีไขมันในเลือดสูง/ซีรั่มขุ่น)
• สัตว์ควรได้รับวัคซีน (Rabies vaccine) อย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดได้รับวัคซีนควรเกิน 1 เดือนก่อนเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อให้ได้ภูมิคุมกันโรคพิษสุนัขบ้าสูงสุด (Rabies Antibody Titer)
• เก็บตัวอย่างเลือด จำนวน 5 - 6 ml ใส่หลอดจุกแดง (Clotted Blood) ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 3 – 5 ชั่วโมงก่อนนำเก็บตู้เย็นช่องธรรมดา หรือปั่นแยกเก็บ Serum
• กรอกประวัติ รายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวบรรจงลงในแบบฟอร์มส่งตรวจ VCL/RQF 006 ให้ถูกต้องชัดเจน พร้อมแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
• ส่งตัวอย่างเลือด Clotted Blood หรือ Serum ภายใน 24 ชั่วโมง พนักงานรับตัวอย่างในรอบวันทำการ
• ผลการตรวจจะแจ้งให้ทราบ และส่งใบรับรองสำหรับนำสัตว์เลี้ยงไปต่างประเทศ ( Rabies Serology Certificate ) ภายใน 4 - 5 สัปดาห์

ทดสอบโรคภูมิแพ้ในสุนัขและแมว Allery test in Dog and Cat ตรวจสารก่อภูมิแพ้ ตรวจวัดปริมาณของแอนติบอดีจำเพาะชนิด IgE ในกระแสเลือด (Specific IgE Screening Test) การเก็บและสงตัวอยาง

• งดอาหารอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง ก่อนเก็บตัวอย่างเลือด
• หากสัตว์ได้รับยากลุ่ม Steroid น้อยกว่า 2 เดือน หรือได้รับยาที่ ≤ 1 mg/kg ไม่จำเป็นต้องหยุดยา
• หากสัตว์ได้รับยากลุ่ม Steroid มากกว่า 2 เดือน หรือได้รับยาที่ < 1 mg/kg ควรหยุดยาอย่างน้อย 7-14 วันก่อนตรวจ
• หากสัตว์ได้รับยากลุ่ม Cyclosporin น้อยกว่า 1 เดือน ไม่จำเป็นต้องหยุดยา
• ใช้ตัวอย่างเลือด Clotted Blood 4 ml หรือ Serum 2 ml เก็บตัวอย่างไว้ในตู้เย็น 4 oC
• กรอกประวัติ รายละเอียดตัวบรรจงเป็นภาษาอังกฤษ ลงในแบบฟอร์มส่งตรวจภูมิแพ้ VCL/RQF005 ให้ถูกต้องชัดเจน
• พนักงานจะมารับตัวอย่างในรอบวันทำการ
• ผลการตรวจจะแจ้งให้ทราบภายใน 3 - 8 สัปดาห์ (ขึ้นยู่กับประเทศที่ส่งตัวอย่างไปทดสอบ)

VETERINARY RESEARCH

การชำระค่าบริการ

- เซ็นทรัล แลบ ฯ จะจัดส่งใบแจ้งรายการค่าบริการตรวจตัวอย่างประจำเดือน ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป

- รูปแบบการชำระค่าบริการ สามารถชำระผ่าน เช็ค เงินสด โอนเงินผ่านธนาคาร ผ่านระบบออนไลน์ หรือ Mobile Banking

- กรุณาชำระค่าบริการภายใน 1 สัปดาห์ภายหลังจากได้รับใบแจ้งค่าบริการ

DOWNLOAD FORM

สินค้า

ชื่อสินค้า	จำนวน	ราคา
{{ product.name }}	{{ product.quantity }}	{{ product.price }}